กระเทียมโทนลดไขมันอุดตันในหลอดเลือด

กระเทียมถูกยกย่องว่าเป็นสุดยอดสมุนไพรสลายไขมันในเลือดมาตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันมีงานวิจัยจากทั่วโลกจำนวนมากชี้ว่า "กระเทียม" เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดตระกรันไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดได้ โดยจากการเก็บบันทึกผลพบว่า การทานกระเทียมเป็นประจำจะช่วยลดตระกรันไขมันภายในหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด เปรียบเทียบก็เหมือนกับการ "ดีท็อกหลอดเลือด" นั้นเอง


การ "ดีท็อกหลอดเลือด" คือ การทานกระเทียมในปริมาณมาก เพื่อสลายไขมันให้ได้ผล เพราะ ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากกระเทียมออกมาได้น้อยมาก เพื่อให้ได้ผลดีจะต้องทานกระเทียมถึงวันละ 120 กลีบ หรือกระเทียมโทน 60 หัว เป็นเวลา 4 อาทิตย์ เลยทีเดียว






Check-List จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีตระกรันไขมันอุดตันในหลอดเลือดสูงจนเป็นอันตราย?


จริงอยู่ว่าโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดเป็นภัยเงียบที่ตรวจไม่พบและไม่แสดงอาการร้ายแรง รู้ตัวอีกทีก็เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง 


แต่เมื่อหลอดเลือดเริ่มอุดตัน ร่างกายของเราจะส่งสัญญาณบางอย่างที่นับได้เป็น "สัญญาณเตือน" ได้เช่นกัน ลองสังเกตดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?


1) รู้สึกเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัวตามส่วนต่างๆ ปวดเวลาลุกขึ้นยืน หรือขยับ แสดงว่าเริ่มอุดตันแล้ว เพราะเลือดไหลไปเลี้ยงส่วนที่อุดตันไม่เพียงพอ ทำให้รู้สึกเมื่อยตลอดเวลา


2) อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เพลียตอนบ่ายๆ เป็นประจำ หรือวูบระหว่างขับรถ เพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี หัวใจและสมองขาดเลือด


3) เจ็บหน้าอก หรือปวดหัวเป็นระยะๆ อาจเข้าขั้นอุดตันรุนแรง หากรู้สึกแบบนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตเฉียบพลันได้


กลุ่มเสี่ยงของโรคหลอดเลือดอุดตัน 2 กลุ่มใหญ่คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีน้ำหนักเกิน เพราะ สองกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญพลังงานลดลง ทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น จึงต้องคอยสังเกตและระวังเป็นพิเศษ

1) เลือดจะสูบฉีดสะดวกขึ้น ระบบไหลเวียนโลหิตดี เลือดไหลไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย รู้สึกร่างกายเบาขึ้น มีเรี่ยวมีแรง

2) อาการปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ น้อยลง

3) ไม่มีอาการปวดหัว และเพลียตอนตื่นนอน

4) เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น หายใจโล่ง และสดชื่นทั้งวัน

5) รู้สึกหิวน้อยลง โดยเฉพาะคนที่มีไขมันสะสมเยอะ เพราะ กระเทียมเข้าไปสลายไขมันเป็นพลังงานตลอดเวลา ทำให้ไม่หิว

6) ทานต่อเนื่องเป็นประจำช่วยส่งผลให้ค่าไขมัน LDL ลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ

7) สำหรับผู้ที่หน้ามืด และวูบบ่อยๆ อาการนี้จะลดลงครับ เพราะกระเทียมเป็นสมุนไพรร้อนที่มีฤทธิ์แก้อาการนี้โดยตรง

8) แก้อาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด เฟ้อ ปวดท้องบ่อย เพราะกระเทียมช่วยย่อย

9) เพื่อให้ได้ผลที่ดี และชัดเจนขึ้น ระหว่างเข้าคอร์สให้ลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เพื่อลดการสะสมเพิ่มของไขมัน กระเทียมจะได้เข้าไปจัดการไขมันเก่าได้อย่างเต็มที่ และสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสูง-โรคไขมันอุดตัน ถ้าทานแล้วได้ผลดีขึ้น เราจะแนะนำให้ทานต่อเนื่องจนได้ค่าไขมันกลับมาปกติ

Garlico กระเทียมโทนสกัด ผลิตด้วย Bio-D technology บรรจุซองละ 60 เม็ด ราคาซองละ 500 บาท (ค่าจัดส่ง 50 บาท)


สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดให้ทานวันละ 3 เวลา ครั้งละ 3 เม็ด รวม 9 เม็ด ต่อเนื่อง


**โปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 4 ซอง 1,800 บาท ฟรีค่าจัดส่งทั่วประเทศ

สอบถามหรือสั่งซื้อสินค้าได้ทาง 2 ช่องทาง

1) โทร. 02-986-5250 ในเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ 9.00-17.00 น.
2) ทางไลน์ (Line) id: @biod.co.th **แอดไลน์ด่วนคลิก ==> http://bit.ly/2d2nUuN

Garlico กระเทียมโทนสกัด
เลขทะเบียน อย : 13-2-07147-1-0009
เลขทะเบียนฮาลาล : 10 A292 027 09 56
ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP

"นวัตกรรมใหม่ของสมุนไพรกระเทียมโทน ข้ามข้อจำกัดของการทานสมุนไพร"


"การก้าวข้ามข้อจำกัดของสมุนไพรด้วย Bio-D Technology"

มีคำถามก็คือ ทำไมคนที่ชอบทานกระเทียมเป็นประจำ หรือแม้แต่ทานกระเทียมในรูปแบบอาหารเสริมเป็นประจำยังเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดอีก


คำตอบอยู่ที่ "ความสามารถในการดูดซึมสารอาหารของร่างกายเราไม่มีประสิทธิภาพ" เพราะ โดยทั่วไปสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายของเรา จะถูกดูดซึมได้เพียง 20% จากทั้งหมดที่ทานเข้าไปเท่านั้น ส่วนอีกร้อยละ 80% จะถูกขับออกจากร่างกาย!


เป็นเหตุผลว่าทำไมการทานกระเทียมตามปกติ หรืออาหารเสริมกระเทียมจึงไม่ได้ช่วยเรื่องหลอดเลือดเลย นั้นเพราะ สารอาหารที่ได้รับเข้าไปมีปริมาณไม่เพียงพอ เพราะดูดซึมได้แค่ 20% ถ้าจะทานกระเทียมให้เพียงพอสำหรับลดตระกรันไขมันในหลอดเลือด อาจต้องทานมากถึง 50-60 หัวต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะนอกจากกระเทียมจะมีรสเผ็ดร้อนทานยากแล้ว การทานปริมาณมากยังทำให้มีกลิ่นปาก และกลิ่นตัว 😨😨


กลายเป็นข้อจำกัดของสมุนไพรกระเทียม ทำให้ไม่สามารถทานเป็นยารักษาโรคได้

Garlico คือกระเทียมโทนสกัดที่นำ Advance Technology เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการดูดซึมของสารอาหาร ช่วยแปรรูปให้สารอาหารมีความใกล้เคียงกับผนังเซลล์ ทำให้ดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้มากกว่า และเห็นผลจริงตามสรรพคุณสมุนไพรกระเทียม




Bio-Botanicle-Dynamic Technology (ไบโอ โบตานิเคิล ไดนามิก เทคโนโลยี) หรือ Bio-D tech คือเทคโนโลยีเฉพาะของ F&B Organic ที่ช่วยก้าวข้ามข้อจำกัดของการทานสมุนไพรไปได้

ข้อจำกัดของการดูดซึมสารอาหาร : ช่วยแปรรูปให้สารอาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ออกฤทธิ์และเห็นผลชัดเจนตามสรรพคุณ ไม่เหลือเนื้อกระเทียมตกค้างในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดกลิ่นปากและกลิ่นตัว

สอบถามหรือสั่งซื้อสินค้าได้ทาง 2 ช่องทาง

1) โทร. 02-986-5250 ในเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ 9.00-17.00 น.
2) ทางไลน์ (Line) id: @biod.co.th **แอดไลน์ด่วนคลิก ==> http://bit.ly/2d2nUuN

Garlico กระเทียมโทนสกัด
เลขทะเบียน อย : 13-2-07147-1-0009
เลขทะเบียนฮาลาล : 10 A292 027 09 56
ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP

**พนักงานจะสรุปยอดโอนพร้อมแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารที่ท่านสะดวกที่สุด บริษัทมีรอบส่งทุกวันตัดรอบเวลา 11.30 น. จัดส่งรวดเร็ว พัสดุเดินทาง 1 วัน

----------












คำถามที่พบบ่อย (FAQ)


Q: กระเทียมโทนสกัด Garlico แตกต่างกับกระเทียมสดอย่างไร? สามารถทานกระเทียมสดทดแทนได้ไหม?

A: กระเทียมสดเองมีสรรพคุณลดไขมันในเลือดเหมือนกันครับ แต่ไม่สามารถทานจนเห็นผลลัพธ์ได้ เพราะ ระบบย่อยอาหารของร่างกายเราดูดซึมสารสำคัญจากกระเทียมออกมาได้น้อยมาก เช่น อัลลิซิน ซัลเฟอร์ ซีลีเนียม เจอร์มาเนียม ฯลฯ ถ้าจะทานจนได้ผลลัพธ์ในส่วนของการลดไขมันจะต้องทานจำนวนเยอะมากถึง 50-60 หัวต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนที่เป็นไปไม่ได้ เพราะ ในกระเทียมปกตินอกจากจะมีสารสำคัญที่มีประโยชน์ ก็มาคู่กับสารพิษที่เป็นโทษต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารเคลือบผิวกระเทียมที่ออกรสชาติแสบร้อน ถ้าทานจำนวนมากจะทำให้แสบคอ และกัดกระเพาะได้

ในขณะที่ Garlico นั้นได้สกัดสารอาหารสำคัญเหล่านั้นผ่าน Bio-D Tech ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็สกัดเอาเมือกพิษออกจากส่วนประกอบแล้ว ทำให้ไม่แสบร้อนท้อง ไม่มีผลข้างเคียง

สรุป : ทานได้ แต่ต้องทานจำนวนเยอะมาก

----------

Q: กระเทียมโทนสกัด Garlico ต่างกับน้ำมันกระเทียมและกระเทียมอัดแคปซูลอย่างไร?

A: ต้องแยกอธิบายทีละตัวครับ เริ่มจากน้ำมันกระเทียมสกัดเย็น ซึ่งเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยม เพราะมีงานวิจัยชี้ว่าสามารถสกัดสารสำคัญอย่างอัลลิซินออกมาได้ แต่น้ำมันกระเทียมเองเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกระเทียม โดยธรรมชาติแล้วในทุกๆ ส่วนของสมุนไพร 1 ชนิด มีสารอาหารจำนวนมาก และทำงานสอดคล้องกัน การจะรับประทานให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดจึงต้องทานทุกส่วน (whole food) เพื่อให้สารอาหารต่างๆ ทำงานได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด

ดังนั้นการสกัดเอาแต่ "ส่วนน้ำมัน" ออกมาจากกระเทียม จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะต้องทิ้งองค์ประกอบอื่นๆ ไป


อีกรูปแบบหนึ่งคือ กระเทียมแคปซูล ซึ่งโดยมากจะมีกระบวนการผลิตง่ายๆ เพียงอบแห้งและบดเป็นผง จากนั้นจึงบรรจุลงแคปซูล กระบวนการเหล่านี้ไม่มีความแตกต่างกับการทานกระเทียมสด ซึ่งไม่ได้ช่วยดึงสารอาหารต่างๆ ออกมาจากกระเทียม ไม่ได้ช่วยเพิ่มการดูดซึม จึงไม่มีประสิทธิภาพจริงในการใช้งาน

สรุป : น้ำมันกระเทียมเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระเทียม และกระเทียมอัดเม็ดไม่มีประสิทธิภาพในการผลิต ในขณะที่ Garlico ใช้กระเทียมทั้งหมด และสกัดด้วย Advance Technology เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จึงมีประโยชน์กว่า

----------

Q: ทานนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

A: สำหรับผลลัพธ์จากการรับประทานต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ผลลัพธ์จากการสังเกต และผลลัพธ์จากการตรวจคอเลสเตอรอล

ผลลัพธ์จากการสังเกต โดยมากแล้วผู้ป่วยไขมันในเลือดสูงจะมีอาการข้างเคียงต่างๆ เช่น ปวดหัวตอนตื่นนอน ปวดเมื่อยไม่มีสาเหตุ ปวดหัวบ่อย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียตลอดวัน หายใจไม่สะดวก นอนไม่หลับ นอนไม่สบาย สำหรับอาการข้างเคียงเหล่านี้ จะสามารถสังเกตได้ว่าดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์

ส่วนผลลัพธ์ค่าไขมัน คอเลสเตอรอลจะใช้เวลา 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพของแต่ละท่าน ซึ่งผมไม่อยากให้ยึดกับตัวเลขตรงนี้มาก เพราะ ค่าไขมันคอเลสเตอรอลมีตัวแปรหลายอย่าง และอาจขึ้นลงได้ในแต่ละช่วง บางท่านทาน Garlico ไปแล้วอาจมีค่าคลอเลสเตอรอลในน้ำเลือดสูงขึ้น (ค่าคอเลสเตอรอลที่วัดจากการตรวจเลือด) ซึ่งอาจเกิดจากไขมันที่เกาะอยู่บนผนังหลอดเลือดได้ละลายออกมาเข้าสู่น้ำเลือด และเตรียมนำไปใช้เป็นพลังงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะร่างกายได้ลดไขมันสะสมออกมาเป็นพลังงาน ผลที่สังเกตได้คือ รู้สึกมีแรงกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นนั้นเอง

สรุป : สังเกตได้ว่ารู้สึกสดชื่น กระปรี่กระเปร่า ดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์ แต่ในค่าตัวเลขไขมันใช้เวลา 1-3 เดือน แล้วแต่พื้นฐานสุขภาพครับ

----------

Q: ต้องทานนานแค่ไหน จำเป็นต้องทานตลอดหรือไม่ หยุดทานได้ไหม?

A: Garlico กระเทียมโทนสกัดไม่จำเป็นต้องทานต่อเนื่อง และไม่มีผลข้างเคียงเมื่อหยุดรับประทาน เมื่อมีสุขภาพดีขึ้นแล้วสามารถหยุดทานได้เลยครับ

แต่ถ้าท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงไขมันสะสม เช่น อายุมาก ชอบทานอาหารมันๆ น้ำหนักเกิน ไม่ค่อยออกกำลังกาย ผมแนะนำให้ทานต่อเนื่องเพื่อเป็นการดูแล และป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ๆ ในหลอดเลือด โดยลดปริมาณลงเป็นทานวันละ 2 เวลา ครั้งละ 3 เม็ดครับ

สรุป : ไม่จำเป็นต้องทานต่อเนื่อง แต่ควรทานเป็นประจำเพื่อป้องกันไขมันสะสม

----------

Q: คลอเลสเตอรอลเท่าไหร่ จึงจะถือว่าปกติ คอเลสเตอรอลเกิน 200 อันตรายหรือไม่?

A: ผมขออนุญาตตอบคำถามสุดท้ายก่อน คือ คอเลสเตอรอลเกิน 200 อันตรายหรือไม่... คำตอบคือ อาจจะอันตรายหรือไม่อันตรายก็ได้ เพราะเป็นผลรวมของคลอเลสเตอรอล จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อแยกผลเป็น HDL, LDL และไตรกลีเซอไรด์

สำหรับไขมัน HDL คือไขมันดี ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้ ควรมีค่ามากกว่า 40 mg./dl.
ไขมัน LDL และไตรกลีเซอไรด์เป็นส่วนไม่ดี และเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ โดย LDL ควรมีน้อยกว่า 120 mg/dl. และไตรกลีเซอไรด์มีน้อยกว่า 150 mg./dl.

ดังนั้นถ้าผลรวมของคอเลสเตอรอล 200 เป็นว่า HDL 100, LDL 50, ไตรกลีฯ 50 อย่างนี้ถือว่าไม่อันตราย ตรงกันข้ามต้องบอกว่าสุขภาพดีด้วยซ้ำ

ดังนั้นค่าคอเลสเตอรอลสูงอย่าเพิ่งตกใจ ดูส่วนประกอบก่อนนะครับ

สรุป : จะทราบว่าอันตรายหรือไม่ ควรดูอัตราส่วนของไขมัน HDL,LDL และไตรกลีเซอไรด์ ถ้า HDL สูง LDL+ไตรกลีเซอไรด์ต่ำ ถือว่าไม่เป็นไร

สอบถามหรือสั่งซื้อสินค้าได้ทาง 2 ช่องทาง

1) โทร. 02-986-5250 ในเวลาทำการจันทร์-ศุกร์ 9.00-17.00 น.
2) ทางไลน์ (Line) id: @biod.co.th **แอดไลน์ด่วนคลิก ==> http://bit.ly/2d2nUuN

Garlico กระเทียมโทนสกัด
เลขทะเบียน อย : 13-2-07147-1-0009
เลขทะเบียนฮาลาล : 10 A292 027 09 56
ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP

**พนักงานจะสรุปยอดโอนพร้อมแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารที่ท่านสะดวกที่สุด บริษัทมีรอบส่งทุกวันตัดรอบเวลา 11.30 น. จัดส่งรวดเร็ว พัสดุเดินทาง 1 วัน