งานวิจัยจากทั่วโลกชี้ตรงกันว่า "กระเทียม" ช่วยสลายตระกรันไขมันในหลอดเลือดและลดคลอเลสเตอรอลได้จริง จนถูกขนานนามว่า "ราชาแห่งสมุนไพรหลอดเลือด"



สรรพคุณของกระเทียมทำหน้าที่คล้ายการ "ล้างท่อเลือด" คือ ถ้าเปรียบเทียบหลอดเลือดของเราเป็น "ท่อ" ไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดก็คือ "ตระกรัน" เมื่อท่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานานก็จะมีตระกรันไขมันเกาะตามผนังท่อด้านใน เมื่อตระกรันหนาขึ้นๆ ก็จะทำให้ท่อตีบจนถึงแตกอุดตันในที่สุด เป็น สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น


การทานกระเทียมเป็นประจำจะช่วยสลายตระกรันไขมันออกจากหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด


แต่คำถามก็คือ ทำไมคนที่ชอบทานกระเทียมเป็นประจำ หรือแม้แต่ทานกระเทียมในรูปแบบอาหารเสริมเป็นประจำยังเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดอีก


คำตอบอยู่ที่ "ความสามารถในการดูดซึมสารอาหารของร่างกายเราไม่มีประสิทธิภาพ" เพราะ โดยทั่วไปสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายของเรา จะถูกดูดซึมได้เพียง 20% จากทั้งหมดที่ทานเข้าไปเท่านั้น ส่วนอีกร้อยละ 80% จะถูกขับออกจากร่างกาย!


เป็นเหตุผลว่าทำไมการทานกระเทียมตามปกติ หรืออาหารเสริมกระเทียมจึงไม่ได้ช่วยเรื่องหลอดเลือดเลย นั้นเพราะ สารอาหารที่ได้รับเข้าไปมีปริมาณไม่เพียงพอ เพราะดูดซึมได้แค่ 20% ถ้าจะทานกระเทียมให้เพียงพอสำหรับลดตระกรันไขมันในหลอดเลือด อาจต้องทานมากถึง 50-60 หัวต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะนอกจากกระเทียมจะมีรสเผ็ดร้อนทานยากแล้ว การทานปริมาณมากยังทำให้มีกลิ่นปาก และกลิ่นตัว 😨😨


กลายเป็นข้อจำกัดของสมุนไพรกระเทียม ทำให้ไม่สามารถทานเป็นยารักษาโรคได้



"นวัตกรรมใหม่ของสมุนไพรกระเทียมโทน ข้ามข้อจำกัดของการทานสมุนไพร"






"การก้าวข้ามข้อจำกัดของสมุนไพรด้วย Bio-D Technology"


Garlico คือกระเทียมโทนสกัดที่นำ Advance Technology เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการดูดซึมของสารอาหาร ช่วยแปรรูปให้สารอาหารมีความใกล้เคียงกับผนังเซลล์ ทำให้ดูดซึมเข้าสู่เซลล์ได้มากกว่า และเห็นผลจริงตามสรรพคุณสมุนไพรกระเทียม






Bio-Botanicle-Dynamic Technology (ไบโอ โบตานิเคิล ไดนามิก เทคโนโลยี) หรือ Bio-D tech คือเทคโนโลยีเฉพาะของ F&B Organic ที่ช่วยก้าวข้ามข้อจำกัดของการทานสมุนไพรไปได้


ข้อจำกัดของการดูดซึมสารอาหาร : ช่วยแปรรูปให้สารอาหารดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ออกฤทธิ์และเห็นผลชัดเจนตามสรรพคุณ ไม่เหลือเนื้อกระเทียมตกค้างในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดกลิ่นปากและกลิ่นตัว


เลข อย. Garlico : 13-2-07147-1-0009
ผ่านมาตรฐานการผลิตอาหารระดับสากล GMP

 



ขอขอบคุณ Review จากทุกท่านที่ได้ทาน Garlico และให้ผลตอบรับกลับมาครับ ผลตอบรับของแต่ล่ะท่านจะขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพด้วย แต่โดยส่วนมากจะรู้สึกได้ดังนี้ครับ

2-4 อาทิตย์แรก (ชุดแรก) รู้สึกได้ว่าเลือดไหลเวียนดีขึ้น มีเรี่ยวแรงมากขึ้น หายใจสะดวกขึ้น
1-3 เดือนแรก เห็นผลชัดเจน หลายท่านมีค่าไขมัน LDL ลดลง จนคนรอบข้างและคุณหมอเริ่มทัก โดยขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพองค์รวมด้วยเช่นกัน แม้จะทาน Garlico เพื่อลดไขมันก็อย่าทานน้ำตาลและอาหารมันๆ เยอะนะครับ
3-12 เดือน และทานต่อเนื่องเพื่อดูแลสุขภาพ มีเป้าหมายเพื่อควบคุมระดับไขมันให้อยู่ในระดับน่าพอใจเสมอ และลดปริมาณยาเคมี เพื่อดูแลตับ-ไตครับ สามารถลดปริมาณมาเพื่อทานเป็นดูแลสุขภาพได้



Garlico ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญเพื่อให้ร่างกายนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้ ทำให้การลดน้ำหนักรวมถึงค่าไขมันต่างๆในเลือดให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น


หลายๆ ท่านพบผลลัพธ์ว่าเมื่อทานไปได้ 2 อาทิตย์ รู้สึกอาการต่างๆ จากโรคไขมันในเลือดสูงลดลง เช่น อาการปวดหัว อาการนอนไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย ลดลง




ไขมันกับไตรกลีเซอไรด์ลดลง คือผลลัพธ์ที่ได้จากการทานต่อเนื่อง เพราะในกระเทียมมีสารไดซัลไฟด์ที่ช่วยลดการสะสมของไขมัน และเร่งกระบวนการเผาผลาญเพื่อนำไขมันในเลือดไปใช้มากขึ้น



ผลตอบรับจากผู้ทานว่ามีอาการปวดหัวตอนตื่นนอน และเวลานอนไม่พอลดลง เพราะ ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น



อาการปวดหัวตอนตื่นนอนเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตโดยตรง เมื่อความดันโลหิตเป็นปกติ อาการก็ลดลงตามไปด้วยครับ



ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับพื้นฐานสุขภาพในแต่ละท่านด้วยครับ ในท่านที่มีการสะสมของไขมันมานานจะรู้สึกได้ค่อนข้างเร็ว เพราะกระเทียม Garlico มีเทคโนโลยี Bio-D ทำให้สารต่างๆดูดซึมได้เร็ว สารอาหารจะเร่งกระบวนการเผาผลาญทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทานเข้าไป


และ Review อีกมากมายที่รับรองว่าไม่มีผิดหวังครับ



หลายท่านเคยทานสมุนไพรแล้วไม่ได้ผล เพราะ สมุนไพรส่วนใหญ่ใช้วิธีตากแห้งแล้วบดอัดแคปซูล ซึ่งสารอาหารหลายชนิดในสมุนไพรมีโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ ทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ได้ แต่ด้วยเทคโนโลยี Bio-D ทำให้สารอาหารต่างๆ มีขนาดเล็กลง ดูดซึมได้ง่ายขึ้น จึงทานแล้วได้ผล


 

 

>>อ่านต่อคลิกที่นี่<<





Check-List จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีตระกรันไขมันอุดตันในหลอดเลือดสูงจนเป็นอันตราย?


จริงอยู่ว่าโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดเป็นภัยเงียบที่ตรวจไม่พบและไม่แสดงอาการร้ายแรง รู้ตัวอีกทีก็เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง 


แต่เมื่อหลอดเลือดเริ่มอุดตัน ร่างกายของเราจะส่งสัญญาณบางอย่างที่นับได้เป็น "สัญญาณเตือน" ได้เช่นกัน ลองสังเกตดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?


1) รู้สึกเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัวตามส่วนต่างๆ ปวดเวลาลุกขึ้นยืน หรือขยับ แสดงว่าเริ่มอุดตันแล้ว เพราะเลือดไหลไปเลี้ยงส่วนที่อุดตันไม่เพียงพอ ทำให้รู้สึกเมื่อยตลอดเวลา


2) อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เพลียตอนบ่ายๆ เป็นประจำ หรือวูบระหว่างขับรถ เพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี หัวใจและสมองขาดเลือด


3) เจ็บหน้าอก หรือปวดหัวเป็นระยะๆ อาจเข้าขั้นอุดตันรุนแรง หากรู้สึกแบบนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตเฉียบพลันได้


กลุ่มเสี่ยงของโรคหลอดเลือดอุดตัน 2 กลุ่มใหญ่คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีน้ำหนักเกิน เพราะ สองกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญพลังงานลดลง ทำให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น จึงต้องคอยสังเกตและระวังเป็นพิเศษ

ระบบสมาชิก

ติดต่อเรา

พูดคุย-สอบถาม